1.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงมากๆ
อาหารที่มีไขมันสูง
จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานด้อยประสิทธิภาพลง และยังทำงานได้เชื่องช้าลงกว่าปกติด้วย
เพราะฉะนั้นควรทานอาหารไขมัน (คอเลสเตอรอล) ต่ำ
จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จึงแนะนำให้ลดการทานไขมันทรานส์ ที่พบในน้ำมันสัตว์ที่ใช้ซ้ำๆ เนยเทียม มาการีน
และเพิ่มไขมันดีอย่าง น้ำมันมะกอก ปลาแซลมอน อะโวคาโด ฯลฯ ให้กับร่างกายแทน
2.ทานโปรตีนให้มากๆ
โปรตีนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย
ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ
แล้วยังมีกรดอะมิโนที่ช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ
ไม่ให้เข้ามาทำร้ายร่างกาย ซึ่งผู้หญิงควรทานโปรตีนราว 50 กรัมต่อวัน
(หากกำลังตั้งครรภ์ควรทานโปรตีนราว 60-75 กรัมต่อวัน)
ผู้ชายสามารถทานได้มากกว่านี้อีกเล็กน้อย แต่อย่าลืมเลือกโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ไก่
ปลา ไข่ ถั่ว เนื้อวัวที่เป็นส่วนมีไขมันน้อย และผลิตภัณฑ์ที่มาจากถั่วเหลือง
เป็นต้น
3.ทานอาหารให้ได้ 3 สีใน 1 มื้อ
การทานอาหารให้หลากหลาย
ช่วยให้เราได้สารอาหารที่หลากหลายและครบถ้วน ดังนั้นการเลือกทานผักที่มีสีเขียว
แดง เหลือง ขาว โดยเฉพาะผักสีส้ม เหลือง แดง ที่มีแคโรทีนอยด์อยู่มาก
จะช่วยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น
หากไม่สามารถทานอาหารที่มีสีมากมายใน 1 มื้อได้ ให้เลือกทานเป็นมื้อๆ ไปก็ได้
4.กินแบคทีเรียที่ดี
ดร. Gregor Reid นักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบันวิจัยสุขภาพ Lawson ในลอนดอน และแคนาดา กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพอย่าง
พรีไบโอติกส์ ช่วยป้องกัน และลดปัญหาที่อาจเกิดในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
ระบบปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ และโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากระบบทางเดินหายใจได้
พรีไบโอติกส์สามารถหาได้ใน โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ เป็นต้น
5.นอนอย่างมีคุณภาพ
การพักผ่อนอย่างเพียงพอ
(ใช้เวลานอนราวๆ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน)
จะทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรงและพร้อมทำงานมากกว่าคนที่พักผ่อนน้อย
หากอยากจะนอนให้ได้เร็วๆ และหลับสนิทตลอดคืน อย่าลืมหรี่ไฟในห้องลงเล็กน้อย (หรืออาจปิดไฟนอนเลยก็ได้)
เปิดแอร์หรือพัดลมไม่ให้ร้อนเกินไป และให้ห้องอยู่ในความเงียบสงบตลอดทั้งคืนด้วย
บทความที่แนะนำ